ให้ท่านค่อยๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ให้ชำนาญ และ มีระดับสมาธิที่สูงขึ้น ทิพย์จักขุญาณ และ ญาณอื่นๆ ก็จะดีขึ้นตามกันไปเอง
เมื่อสมาธิได้ถึงฌาณ 4 ชำนาญเมื่อใด จิตจะมีความต้้งมั่นมาก ดำรงทรงอยู่ได้นานตามความต้องการ ทิพย์จักขุญาณก็ จะมีสภาพสมบูรณ์ ใช้ได้ดี การเห็นภาพจะเห็นได้เต็ม ไม่ขาดหาย การพูดคุย ก็จะคุยได้นานจนรู้เรื่องกันดี และ สามารถใช้ญาณอื่นๆได้ครบถ้วน
ทิพย์จักขุญาณนี้ แม้จะเต็มขั้นเพียงใด แต่ก็ยังเป็นเพียงฌาณโลกีย์ การรู้เห็นจะชัดเจนแจ่มใสสู้ท่านที่เป็น อริยะ หรือ โลกุตตระไม่ได้ ย่อมต้องมีมัวเป็นธรรมดาเพราะยังมีกิเลสเป็นเครื่องห่อหุ้มกีดขวางอยู่นั่นเอง
ญาณต่างๆ ก็มีความสว่างตามกำลังของฌาณ หรือสมาธิ ดังนั้นเมื่อจะใช้ญาณต่างๆ ก็ต้องเพ่งรูปกสิณให้เต็มกำลังที่ตนได้ก่อน ภาพกสิิณชัดเจนเท่าใดภาพที่เราต้องการเห็นก็เห็นได้เท่าภาพกสิณ ต่อมาก็อธิษฐานให้ภาพกสิณหายไป ขอภาพที่เราต้องการจงปรากฏขึ้นมาแทน เพียงเท่านี้
ควรหมั่นฝึก หมั่นเล่นทุกวันๆละหลายๆหน จิตจะมีความเพลิดเพลิน มีความรู้ความฉลาดเกิดขึ้น ปัญญาการรู้แจ้งเห็นจริงจะเกิดขึ้นได้ง่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น